คาร์แคร์ (Carcare) คือกระบวนการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและบำรุงรักษารถยนต์ เป้าหมายหลักของคาร์แคร์คือการรักษาความสวยงามและสภาพใหม่ของรถยนต์ รวมถึงการปกป้องสีและพื้นผิวของรถจากการเสื่อมโทรมที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมและการใช้งานประจำวัน เช่น ฝุ่นละออง แมลง ละอองถนน แสงแดด สารเคมี และอื่นๆ
กิจกรรมคาร์แคร์สามารถ包括หลากหลายอย่างได้ เช่น
การล้างรถ: การล้างสีและพื้นผิวของรถให้สะอาดโดยใช้น้ำและสารล้างรถ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและคราบสกปรกที่แปลงสีและพื้นผิวรถ
การเคลือบเงา: การใช้สารเคลือบเงาเพื่อเพิ่มความสดใสและความเงางามให้กับสีรถ ช่วยปกป้องสีจากแสงแดดและสภาวะอากาศ
การเคลือบสี: การใช้สารเคลือบสีเพื่อปกป้องและสร้างชั้นความคงทนให้กับสีรถ ช่วยป้องกันการซีดสี การระเบิดของสี และคราบต่างๆ
การล้างและดูแลภายในรถ: การทำความสะอาดพื้นที่ภายในรถ เช่น การดูแลเสื่อเบรก การทำความสะอาดพื้นที่เบาะ พรมและพื้นรถ เพื่อให้มีความสะอาดและสดชื่น
การดูแลสี: การทำสีและซ่อมแซมส่วนที่ซีดสีหรือมีรอยขูดขีด โดยการใช้เทคนิคการทำสีและพื้นผิว เพื่อให้สีรถสวยงามและตรงตามมาตรฐาน
การดูแลยาง: การทำความสะอาดยางล้อและการดูแลความเงางามของยางล้อ โดยใช้สารล้างและเคลือบยาง ช่วยป้องกันการแตกร้าว ซึ่งสามารถเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและสารเคมีที่อาจทำลายยาง
คาร์แคร์เป็นกิจกรรมที่สามารถทำเองหรือใช้บริการจากร้านคาร์แคร์ และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล
ส่วน คาร์ ดีเทลลิ่ง (Car Detailing) คือ การสร้างสรรผลงานอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อขับเน้นความงาม ทั้งภายนอก(Exterior) และภายใน(Interior)รถยนต์แต่ละคันให้ออกมาถึงขีดสุด เท่าที่ศักยภาพของรถคันนั้นๆจะแสดงออกมาได้
ทั้งนี้บางคนอาจ เรียกว่า ออโต้ ดีเทลลิ่ง (Auto Detailing) และในประเทศอังกฤษนิยมใช้คำว่า คาร์ แวลลิททิ่ง (Car Valeting) หรือ ออโต้ แวลลิททิ่ง (Auto Valeting)
แม้คำว่า คาร์ ดีเทลลิ่ง (Car Detailing) จะมีความหมายที่กว้าง แต่ก็มิได้รวมถึงการซ่อมแซมตัวถัง(Body work) ไม่ว่าจะเป็นรอยบุบ รอยแตก หรือรอยชน ไม่รวมถึงการทำสีรถ(Car painting) การซ่อมแซมวัสดุที่ทำจากหนัง ผ้า หรือพรมภายในรถยนต์(upholstery repair) และการซ่อมแซมรถยนต์แต่อย่างใด(Mechanical repair)
คาร์ ดีเทลลิ่ง สามารถแยกย่อยการดีเทลลิ่งได้ 3 ส่วน คือ
1. การดีเทลลิ่งภายนอกรถยนต์ (Exterior Detailing)
2. การดีเทลลิ่งภายในรถยนต์(Interior Detailing)
3. การดีเทลลิ่งห้องเครื่อง(Engine Detailing)
รถสไลด์ออน คือรถบรรทุก 6 ล้อ ที่นำมาติดตั้งอุปกรณ์ไฮโดรลิค เป็นถาดสไลด์ มีความสามารถ ในการนำถาดลงมาแนบกับพื้น เพื่อใช้วิ้นซ์ ดึงรถ นำขึ้นมาบนถาด และนำไปส่งจุดต่างๆ มีความปลอดภัยสูง
รถสไลด์ออน ถาดสามารถสไลด์ลงมาจนแนบติดกับพื้น ซึ่งสามารถขน รถตู้ รถแวน คันใหญ่ๆ รถ SUV ทุกชนิด เพราะรถ6ล้อสามารถแบกน้ำหนักได้ ถึง 4 ตัน เหมาะสำหรับรถที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และยังเป็นที่นิยมสำหรับ รถแข่ง สปอร์ตคาร์ ซุปเปอร์คาร์ หรือ รถซิ่งที่โหลดต่ำๆ ติดพื้น
รถสไลด์ แบบถาดกองพื้น คือถาดรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยม ในปัจุบัน สมัยก่อน รถสไลด์จะเอาถาดลงได้แค่ 45 องศา ก็ถือ ว่าต่ำมากๆแล้วแต่ปัจจุบัน เราพัฒนาไปถึง ระบบถาดนอนพื้นองศาของถาดจะต่ำ ทำให้ไม่เกิดความยุ่งยาก ไม่ต้องรองไม้ หนุนไม้ ให้วุ่นวาย ขนะนำรถขึ้นและลง
รถสไลด์ออนมีข้อเสียก็คือ มีเวลาวิ่งไม่มาก ในเขต กรุงเทพฯ เพราะกฎหมายออกมาให้รถบรรทุกวิ่งได้ตั้งแต่ 09.00 ไปจนถึงแค่ 16.00 ในตอนกลางวัน ส่วนเวลาที่ห้ามวิ่งเลยเด็ดขาดคือ 06.00-09.00 น. และ 16.00 ถึง 20.00 น. ดังนั้นเวลารถลูกค้าเสียในเวลานั้น อาจะต้องใช้เวลาในการรอ
คาร์แคร์ (Car Care) มีกระบวนการหรือการดูแลรักษารถยนต์ของคุณ มีดังนี้
**การล้างรถ (Car Washing):**
การล้างรถเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการดูแลรักษา คาร์แคร์ เนื่องจากการล้างรถจะช่วยในการกำจัดสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น ฝุ่น สั่งไป คราบน้ำยาล้างถนน และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่สะสมอยู่บนผิวรถ การใช้น้ำยาล้างรถที่เหมาะสมและไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับสีรถเป็นสิ่งสำคัญ
**คาร์แคร์ การเคลือบเนื้อสี (Paint Protection):**
การเคลือบเนื้อสีคือกระบวนการที่ใช้สารเคมีเพื่อป้องกันการเสียหายของสีรถจากสภาวะแวดล้อมต่างๆ เช่น แสงแดด ฝุ่น สารเคมี และรอยขนแมว เคลือบเนื้อสีช่วยลดการกระทบและรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นกับสีรถ
**การดูแลล้อ (Tire Care):**
การดูแลล้อรถยนต์รวมถึงการเรียบเรียงลมล้อให้ถูกต้อง รักษาความสมดุลของลมในล้อ และเช็คระดับความหนาแน่นของยางล้อ เพื่อให้รถยนต์มีการเคลื่อนที่ที่ปลอดภัยและเสถียร
**คาร์แคร์ การดูแลภายในรถ (Interior Care):**
การดูแลภายในรถเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความสะอาดและความเป็นระเบียบภายในรถ นอกจากการทำความสะอาดผิวเบาะและพื้นที่ภายในรถแล้ว การรักษาและเปลี่ยนใบกรองอากาศในระบบปรับอากาศยังเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสารสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์อาจสะสมในรถยนต์
**คาร์แคร์ การขัดสีรถ (Car Polishing and Waxing):**
การขัดสีรถเป็นกระบวนการที่ช่วยในการกำจัดรอยขีดข่วนเล็กน้อย รอยต่อของสี และคราบสกปรกจากผิวรถ การใช้เครื่องเชิงเทคโนโลยีในการฉีดสีรถยนต์ช่วยให้ผิวรถเงางามและดูมีเสน่ห์
**คาร์แคร์ การดูแลเครื่องยนต์ (Engine Care):**
การดูแลเครื่องยนต์รถคือการรักษาความสะอาดและการทำความสะอาดส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์ เช่น ส่วนของระบบหม้อน้ำ ระบบส่งกำลัง และส่วนอื่นๆ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเสถียรและมีประสิทธิภาพ
**คาร์แคร์ การเข้ารับการตรวจเช็คประจำ (Regular Maintenance and Inspection):**
การเข้ารับการตรวจเช็คประจำเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของรถยนต์ เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง การตรวจสอบสภาพของเบรค และการตรวจสอบระบบโช๊คอัพ เป็นต้น
การดูแลรักษารถยนต์เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถยนต์คงความสวยงามและประสิทธิภาพในระยะยาว การดูแลรักษาคาร์แคร์ จะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการขับขี่และใช้งานรถยนต์ของคุณได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย.
หลายท่านอาจเคยได้ยินคำว่า คาร์ ดีเทลลิ่ง (Car Detailing) กันมาบ้างแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่แน่ใจกับความหมายที่แท้จริงของคำว่า คาร์ ดีเทลลิ่ง กันสักเท่าไร ดังนั้น พวกเราจึงได้ค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เชื่อถือได้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ทราบกัน เพื่อคลายความสงสัยที่มีมานาน และยังเป็นการช่วยให้คนรักรถหลายท่านได้ทราบ
คาร์ ดีเทลลิ่ง (Car Detailing) คือ การสร้างสรรผลงานอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อขับเน้นความงาม ทั้งภายนอก(Exterior) และภายใน(Interior)รถยนต์แต่ละคันให้ออกมาถึงขีดสุด เท่าที่ศักยภาพของรถคันนั้นๆจะแสดงออกมาได้
ทั้งนี้บางคนอาจ เรียกว่า ออโต้ ดีเทลลิ่ง (Auto Detailing) และในประเทศอังกฤษนิยมใช้คำว่า คาร์ แวลลิททิ่ง (Car Valeting) หรือ ออโต้ แวลลิททิ่ง (Auto Valeting)
แม้คำว่า คาร์ ดีเทลลิ่ง (Car Detailing) จะมีความหมายที่กว้าง แต่ก็มิได้รวมถึงการซ่อมแซมตัวถัง(Body work) ไม่ว่าจะเป็นรอยบุบ รอยแตก หรือรอยชน ไม่รวมถึงการทำสีรถ(Car painting) การซ่อมแซมวัสดุที่ทำจากหนัง ผ้า หรือพรมภายในรถยนต์(upholstery repair) และการซ่อมแซมรถยนต์แต่อย่างใด(Mechanical repair)
คาร์ ดีเทลลิ่ง สามารถแยกย่อยการดีเทลลิ่งได้ 3 ส่วน คือ
1. การดีเทลลิ่งภายนอกรถยนต์ (Exterior Detailing)
2. การดีเทลลิ่งภายในรถยนต์(Interior Detailing)
3. การดีเทลลิ่งห้องเครื่อง(Engine Detailing)
โดยการดีเทลลิ่งแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คาร์ ดีเทลลิ่ง ภายนอกรถยนต์ (Exterior Detailing) คือ การดีเทลลิ่งที่ครอบคลุมในส่วนที่เป็นสีผิวรถยนต์ภายนอกทั้งหมดเพื่อความสะอาดและเงางาม รวมทั้ง ขอบคิ้วยาง พลาสติกหรือโลหะ กระจกรถยนต์ ไฟหน้า ไฟท้าย ล้อแม็ก(Wheels) และยางรถยนต์(Tires) ซึ่งถ้าหากต้องการผลงานในระดับโชว์คาร์ (Show Car)แล้ว ก็คงจะต้องเก็บรายละเอียดกันถึงใต้ท้องรถด้วย
แม้ขั้นตอนและอุปกรณ์ในการดีเทลลิ่งภายนอกรถยนต์จะมีจำนวนมาก แต่หลักการที่สำคัญสามารถสรุปได้ 3 ประการคือ 1. การทำความสะอาด (Cleaning) 2. การสร้างความเงางาม (Polishing) 3. การปกป้องความเงางาม (Protecting)
1. การทำความสะอาด (Cleaning) ในที่นี้มีหมายถึง กระบวนการขั้นตอนเพื่อการล้างทำความสะอาดขจัดสิ่งสกปรก แปลกปลอมที่ติดอยู่บนพื้นผิวสีรถยนต์ หรือบนพื้นผิวของชิ้นงานนั้นๆ โดยในส่วนนอกสุดของสีรถยนต์ในปัจจุบันนั้นจะถูกเคลือบด้วยสารสั่งเคราะห์ ที่เรียกว่าเคลียร์โคท (Clear Coat) หรือที่มักเรียกกันติดปากว่าแล็คเกอร์ (Lacquer) ในขั้นตอนนี้หากสิ่งสกปรกเหล่านั้นไม่สามารถมารถล้างทำความสะอาดได้ด้วยน้ำยาล้างทำความสะอาด(Detergents) จากการล้างปกติทั่วไป เช่นคราบสารละลายที่เกิดจากมลพิษในอากาศ ยางไม้ สิ่งปฏิกูลจากนก คราบยางมะตอย และอนุภาคทางเคมีต่างๆที่ฝั่งแน่น ก็จำเป็นต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆเข้ามาช่วย เช่น ดินน้ำมันสังเคราะห์เพื่อการดีเทลลิ่งโดยเฉพาะ (Detail Clay) และน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะสามารถกำจัดคราบสกปรกที่ฝังแน่นในพื้นผิวแลคเกอร์ของรถได้ ขั้นตอนการทำความสะอาดนี้มีความสำคัญมาก และหากต้องการให้ผลงานออกมาดีเต็มที่ตามศักยภาพของรถคั้นนั้นๆ จะต้องทำให้พื้นผิวสะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการเตรียมพื้นผิวให้พร้อมต่อการสร้างความเงางามต่อไป
2. การสร้างความเงางาม (Polishing) การโพลิชชิ่งนี้ บางคนเรียกว่าการขัดเงา หรือขัดชักเงา แต่ในความหมายที่กว้างกว่านั้น คือ กระบวนการทั้งหมดที่ทำให้พื้นผิวชิ้นงานนั้นเกิดความเรียบลื่น(Smooth) และมีประกายเงางาม(Shine) ด้วยกระบวนการทางเคมีต่างๆ ซึ่งเราสามารถสร้างความเงางาม ได้โดยการขัดด้วยมือ หรืออาจใช้เครื่องมือขัดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขัดเงาสีรถยนต์ เช่น เครื่องขัดเคลือบสีรถยนต์แบบ Dual Action
3. การปกป้องความเงางาม (Protecting) ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้าย บางครั้งจึงเรียกว่าการฟินิชชิ่ง(Finishing) ทั้งนี้การปกป้องและรักษาความเงางามของสีรถยนต์ หรือพื้นผิวต่างๆ ที่ผ่านขั้นตอนการสร้างความเงางามมาชั้นหนึ่งแล้ว จะช่วยให้ความเงางามนั้นอยู่คงทนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และบางครั้งยังเป็นการช่วยให้สีรถยนต์ หรือพื้นผิวชิ้นงานนั้นเงางามมากขึ้นกว่าเดิม ในขั้นตอนนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นการใช้น้ำยาทำการเคลือบสี หรือเคลือบพื้นผิวชิ้นงานที่ผ่านการสร้างความเงางามมาก่อนหน้านี้แล้ว
คาร์ ดีเทลลิ่ง ภายในรถยนต์ (Interior Detailing) คือ การดีเทลลิ่งที่ครอบคลุมในพื้นที่(Space) ห้องโดยสารทั้งหมด หรือศัพท์แบบไทยจะเรียกว่า ส่วนภายในเก๋งของรถยนต์ เช่น เบาะนั่ง พรม แผงข้างประตูด้านใน ส่วนภายในของหลังคารถ แผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง พวงมาลัย เกียร์ วิทยุ ช่องแอร์ การดีเทลลิ่งภายในรถยนต์โดยทั่วไป มักทำด้วยการดูดฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่างๆออกจากห้องโดยสาร การทำความสะอาดด้วยไอน้ำ และในปัจจุบันหลายท่านนิยมการ อบไอน้ำ หรืออบโอโซนเพื่อกำจัดเชื้อโรค สิ่งสกปรกด้วย ซึ่งบางท่านก็จะลงรายละเอียดถึงการสร้างสรรค์กลิ่นภายในรถยนต์กันเลยทีเดียว และที่ลืมไม่ได้ก็คือพื้นที่เก็บของสัมภาระบริเวณท้ายรถยนต์
คาร์ ดีเทลลิ่ง ห้องเครื่อง(Engine Detailing) คือ การดีเทลลิ่งบริเวณเครื่องยนต์ ส่วนประกอบต่างๆ ภายในห้องเครื่องทั้งหมด ซึ่งการดีเทลลิ่งภายในห้องเครื่องนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจ และระมัดระวังเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ และระบบไฟฟ้าของรถยนต์เป็นพิเศษ ไม่ให้เปียกน้ำหรือสะสมความชื้นในอุปกรณ์ดังกล่าว
ตามที่ได้กล่าวถึงนิยามและความหมายของคาร์ดีเทลลิ่ง Car Detailing ข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า คาร์ ดีเทลลิ่ง หรือการดีเทลลิ่งรถยนต์อันเป็นที่รักของเรานั้นไม่ใช่เพียงแค่การล้างรถ หรือทำความสะอาดรถ ดูดฝุ่น ขัดเคลือบเงาสีรถเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้คาร์ ดีเทลลิ่ง มีเอกลักษณ์แตกต่างออกไปมากกว่านั้น คือความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด การเข้าใจ และปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการดีเทลลิ่งอย่างถูกวิธี เช่นการดีเทลลิ่งภายนอกรถยนต์(Exterior Detailing) ก็ต้องเริ่มตั้งแต่การเข้าใจลักษณะเฉพาะของพื้นผิวสีรถยนต์แต่ละคัน ที่แตกต่างกันทั้งเฉดสีรถ สภาพการใช้งานของสีรถที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและการดูแลรักษา แล้วจึงเริ่มลงมือล้างทำความสะอาดสีรถยนต์ภายนอก เพื่อทำการเตรียมพื้นผิว โดยต้องเลือกใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ น้ำยา สำหรับการล้าง การขัด การขัดเคลือบเงาที่เหมาะสม ส่วนการการดีเทลลิ่งภายในรถยนต์ (Interior Detailing) ผู้ทำก็ต้องเข้าใจชนิด สภาพของวัสดุภายในรถยนต์ ทั้งเบาะนั่ง พรม พวงมาลัย แผงคอนโซล ฯลฯ สำหรับการดีเทลลิ่งห้องเครื่อง(Engine Detailing) ผู้ทำยิ่งต้องทราบถึงลักษณะเฉพาะ และตำแหน่งของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆของรถยนต์แต่ละคัน โดยต้องรู้จักหลีกเลี่ยงป้องกันมิให้อุปกรณ์เหล่านั้นถูกน้ำโดยตรง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับรถได้
คาร์ ดีเทลลิ่งที่แท้จริงนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นงานฝีมืออย่างหนึ่ง ที่ผู้ลงมือทำต้องมีความรู้ความเข้าใจ และต้องใส่หัวใจเข้าไปในขณะที่ทำด้วย ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่า บางครั้งการดีเทลลิ่งรถยนต์ให้ได้ผลงานที่ดีสักคัน จึงไม่อาจได้มาด้วยการจ่ายเงินซื้อ
ข้อดีของรถสไลด์
มีความปลอดภัยสูง รถสไลด์ จะช่วยเรื่องการขนย้ายรถยนต์หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อได้ดี มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นการเคลื่อนย้ายโดยยกรถทั้งคันมาบรรทุกไว้ด้านหลัง พร้อมมีระบบล็อคติดเอาไว้อย่างแน่นหนาตลอดระยะทาง ไม่ต้องลากไปกับพื้นถนนที่อาจทำให้เกิดการสึกหรอของเครื่องยนต์ช่วงล่างได้ คนที่รักรถ หรือเพิ่งซื้อรถมาใหม่ที่รู้สึกหวงรถมากๆ ก็มักจะนิยมเลือกใช้บริการรถสไลด์กัน
สามารถเคลื่อนย้ายได้แม้รถเกิดความเสียหายหนัก ในกรณีที่รถยนต์ หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อเกิดความเสียหายหนักจากอุบัติเหตุ หรือรถเกิดสตาร์ทไม่ติด รถสไลด์ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการขนย้ายรถไปที่อู่หรือศูนย์เพื่อทำการซ่อมแซม เพราะขนย้ายง่าย และไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติมในระหว่างทางขนส่ง เนื่องจากยกรถทั้งคันขึ้นมาบรรทุกไว้ด้านหลังเลย
ใช้งานระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขนส่งรถยนต์หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อในระยะทางไกลได้เป็นอย่างดี เพราะขนย้ายด้วยการบรรทุกรถทั้งคันขึ้นมาไว้ที่ด้านหลังเลย เพราะการเคลื่อนย้ายรถในระยะทางที่ไกลหากลากไปก็อาจทำให้เครื่องยนต์ของตัวรถเกิดอาการสึกหรอ หรือเสื่อมสภาพได้นั่นเอง
ข้อควรพิจารณา คือ รถสไลด์ จะมีราคาค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าบริการขนย้ายรถแบบอื่นๆ ในปัจจุบัน ดังนั้น การจะเลือกใช้บริการรถสไลด์แนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
งบประมาณ หากคุณมีงบประมาณเหลือเฟือ หวงรถ รักรถมาก ไม่อยากให้รถถูกลากก็สามารถเลือกใช้บริการรถสไลด์ ได้เลย แต่หากงบประมาณของคุณมีอยู่จำกัด ให้พิจารณาจากในข้อถัดไป
สภาพรถและสถานการณ์รอบๆ ประเมินสถานการณ์ว่าตัวรถมีความเสียหายมากเพียงใด เมื่อเกิดอุบัติเหตุหากรถยนต์ของเรายังสามารถเคลื่อนตัวได้ ล้อและกลไกต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ยังพอสามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็สามารถเลือกใช้บริการรถลากแทนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ แต่ก็ต้องยมรับเรื่องการสึกหรอ และอาจมีการเสียหายเพิ่มเติมได้ในระหว่างการขนส่ง แต่หากเราประเมินดูแล้วว่ารถยนต์มีความเสียหายค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะตรงช่วงล่าง การเลือกใช้รถสไลด์ จะเหมาะสมมากที่สุด เพราะด้วยขนย้ายที่มีการยกรถทั้งคันมาบรรทุกไว้ด้านหลัง ทำให้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์มากกว่าเดิม
ระยะทางของอู่รถหรือศูนย์ซ่อม ตรวจเช็คดูแล้วว่าอู่ หรือศูนย์ซ่อมที่ให้บริการอยู่มีระยะทางไม่ไกลมากน้อยแค่ไหน หากไม่ไกลมากจะใช้บริการรถลากแทนก็ได้ แต่ถ้าอยู่ไกลต้องใช้เวลาในการเคลื่อยย้ายรถนาน แนะนำให้ใช้บริการรถสไลด์ จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวรถ
เล่ามาถึงตรงนี้เชื่อว่าทุกๆ คนคงจะรู้จักกับรถสไลด์ กันมากขึ้นไม่มากก็น้อยว่ามันมีข้อดีอย่างไร เหมาะกับการใช้ในสถาณะการณ์ไหน นอกจากนี้รถสไลด์ยังมีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า รถสไลด์ คือ รถที่จะช่วยคุณแก้ปัญหาได้ในยามคับขันจริงๆ